Good luck... - Good luck... นิยาย Good luck... : Dek-D.com - Writer

    Good luck...

    เรื่องราวของคนสองคน กับความผูกพันธ์ เเละการจากลา

    ผู้เข้าชมรวม

    481

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    481

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 มี.ค. 56 / 05:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เรื่องนี้ตอนเเรกทำส่งอ.ภาษาไทยครับ เป็นวิชาอ่านเขียน ผมเลยลองเอามาลงดู ติชมได้ครับ ถ้าสนุกก็ลองมาอ่านเรื่องอื่นๆของผมด้วยนะครับ

    ผมอยากจะสื่อเรื่องราวของการจากลาหรืออะไรทำนองนั้น เเต่ว่าด้วยเป็นเรื่องสั้นข้อจำกัดจึงมีมาก เเต่สุดท้ายก็ออกมาเป็นเรื่องสั้นรสชาติเเปลกๆให้ลองชิมกัน
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                ลาก่อนนะเพียงคำสั้นๆที่เอ่ยออกมานั้น มันทำให้หัวใจของผมหวั่นไหว                                                                  

                ภาพเก่าๆที่เรามีร่วมกันในช่วงเวลาที่ผ่านมาค่อยๆย้อนเข้ามาในหัวของผม ผมยังจำมันได้ดีราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้

               เธอลูบแก้มที่บวมช้ำของผมเบาๆ สายตาของเธอฉายความโศกเศร้าออกมา น้ำตาใสๆไหลปริ่มที่ขอบตา ดวงตากลมโตของเธอสั่นเครือ ผมรู้แล้วว่าควรจะพูดอะไรกับเธอดี

               เรื่องราวทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน ขณะที่ผมกำลังเดินเล่นไปเรื่อยๆในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงทุกขณะ ทอแสงสีส้มย้อมท้องฟ้าเอาไว้

               พลันเสียงเพลงก็ลอยแววมาเข้าโสตประสาทผม มันเหมือนลอยมาจากที่อันไกลแสนไกล ดูช่างห่างไกลเหลือเกิน เสียงของเพลงนั้นฟังดูเศร้าปนเหงา แต่กลับมีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาด

                ผมถูกเสียงเพลงดึงดูดให้เข้าไปหาต้นตอของเสียงทันที ผมมองหาต้นเสียงอยู่กลางจัตุรัสน้ำพุของสวนสาธารณะแห่งนี้ แต่มันก็กว้างและมีผู้คนเยอะเสียเหลือเกิน

               ในขณะที่กำลังมองหาอยู่นั้น สายตาของผมก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอเป็นหญิงสาวที่มีผมยาวสีดำเงางามแต่รวบเอาไว้เป็นทรงหางม้า เธอนั่งอยู่ตรงที่นั่งขอบอ่างน้ำพุ ดีดกีต้าร์และร้องเพลงไปด้วย น้ำเสียงของเธอดังก้องกังวานเหมือนระฆังโบสถ์ สะกดให้ผมยืนนิ่งมองเธอไม่ละสายตา

               เธอยังขับขานบทเพลงด้วยความสุขอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มสดใสราวกับดอกไม้แรกแย้ม ผู้คนที่เดินผ่านไปมาบ้างก็หยุดฟังเพลงของเธอ บ้างก็วางธนบัตรลงในกระเป๋ากีต้าร์ของเธอ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงของเธอแฝงความเศร้าอยู่ลึกๆ

               ลาก่อนนะ ฉันก็อยากจะเอ่ยคำนั้น แต่หัวใจฉันอ่อนแอเหลือเกิน จะเก็บคำสัญญานั้นไว้ และรอเธอทำฝันให้เป็นจริง จะรอวันที่ได้พบกันใหม่ จะเป็นกำลังใจเสมอ เพราะฉะนั้น...โชคดีนะเมื่อร้องท่อนนี้จบ เธอก็จบการแสดงของเธอลง เพลงที่เธอร้องเป็นเพลงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน

               ผมปรบมือให้เธอ เธอมองผมด้วยความตกใจปนแปลกใจเล็กน้อย เพราะมากเลยครับ เพลงชื่ออะไรเหรอครับ?” ผมถามในขณะที่เดินเข้าไปหาเธอ เธอมองผมด้วยความไม่ไว้วางใจ

               เธอทำท่าอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอันแสนอ่อนหวาน ยังไม่มีหรอกค่ะ เพิ่งแต่งได้เมื่อไม่นานมานี้ก็เลยยังไม่ได้คิดค่ะ

                ผมนั่งลงข้างๆเธอ เธอเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจแต่อย่างใด คุณชื่ออะไรครับ?” ผมถามออกไป

                เธอค่อยๆเก็บกีต้าร์ลงกระเป๋าของเธออย่างทะนุถนอม ดาวค่ะ คุณล่ะคะ?” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม

                ผมชื่อณัฐครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณดาว...เอ่อ...อยากเป็นนักร้องใช่ไหมครับ?”

                เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก็...ประมาณนั้นล่ะค่ะ ฉันอยากเป็นนักร้องค่ะ แต่ว่าฉันร้องเพลงไม่เก่งถึงขนาดนั้น...” เธอถอนหายใจ

                ผมว่าเพลงที่คุณร้องเพลงเพราะดีนะครับ

               ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาทันที จริงเหรอคะ?” เธอถามอย่างตื่นเต้น ผมพยักหน้ารับ ดีใจจังเธออมยิ้ม

               แล้วพวกเราก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมงนั่งคุยกัน จนกระทั่งเธอขอตัวกลับ ฉันต้องกลับแล้วล่ะคะ วันนี้ขอบคุณมากนะคะที่ฟังเพลงแล้วก็คุยกับฉันเธอสะพายกระเป๋ากีต้าร์ด้วยความรีบร้อน

                เอ่อ...ถ้ายังไงผมส่งเสียงออกไป เธอหันมามองผมด้วยความอยากรู้ พรุ่งนี้ผม...มาฟังคุณร้องเพลงอีกได้ไหมครับ?”

                เธอหัวเราะคิกคัก ได้สิคะ! แล้วฉันจะรอนะคะเธอกล่าวเช่นนั้น ก่อนที่จะวิ่งหายไปกับกลุ่มคน

               หลังจากวันนั้น ถ้าผมมีเวลาว่าง ผมก็จะใช้เวลาว่างช่วงเย็นของทุกๆวันหมดไปกับการมาฟังเพลงของเธอ พูดคุยกับเธอ เล่าเรื่องราวต่างๆ เราพูดคุยตั้งแต่เรื่องใกล้ตัว ไปจนถึงปรัชญาที่ลึกซึ้ง แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย เวลาผ่านไปจากวันเป็นสัปดาห์ แล้วก็กลายเป็นเดือน

               นี่ๆ ณัฐ เธอเรียกผมในวันหนึ่ง จำเพลงที่ฉันร้องในวันแรกที่เราเจอกันได้ไหม?”

               ผมนิ่งคิด อ๋อ! ได้สิ ทำไมเหรอ?” ผมสบตาเธอเข้าโดยบังเอิญ คล้ายตั้งใจ คล้ายไม่ตั้งใจ

              คือว่าหลังจากวันนั้น ฉันก็เอาเพลงไปแก้ไขนิดหน่อย แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าหลังจากวันนั้นแล้ว ฉันก็ยังคิดชื่อเพลงไม่ออกอยู่ดี แถมยังไม่ได้เอาไปร้องที่ไหนเลยด้วย ถ้ายังไงนายช่วยฉันคิดหน่อยสิเธอขอร้อง

               อืม...” ผมครางในลำคอ พยายามคิดคำที่เข้ากับเพลงนั้นมากที่สุด แล้วก็ต้องยอมแพ้ ตอนนี้ยังคิดไม่ออกหรอกผมพูดพลางส่ายหน้า 

               ยังคิดไม่ออกจริงๆด้วยสินะเธอทำท่าผิดหวังเล็กน้อย

               ...แต่จะลองไปคิดดูนะ ยังไงก็ต้องคิดออกแน่ๆผมพูดปลอบใจเธอ แล้วเพลงนั้นน่ะ เพราะดีออก ถึงไม่มีชื่อแต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่เพราะนี่นา

                นั่นสินะ!เธอดูมีพลังขึ้นมาอีกครั้ง งั้นเรามาช่วยกันคิดเถอะ

               เมื่อเห็นเธอกลับมาร่าเริงอีกครั้ง ผมก็ยิ้มออกได้ไม่ยาก อืม! มาช่วยกันคิดกันนะแล้วพวกเราก็หัวเราะอย่างมีความสุข

               จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมมาที่สวนสาธารณะแห่งนี้ตามปกติ แต่สิ่งที่ผมเห็นเมื่อมาถึงที่ที่ผมนัดเจอดาวเป็นประจำก็คือ เธอกำลังมีปากเสียงกับชายที่แต่งตัวในชุดภูมิฐานคนหนึ่ง และดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ ผมจึงรีบเข้าไปห้ามทันที

               หยุดก่อนๆ ผมไม่รู้หรอกนะว่านี่เรื่องอะไร แต่ผมว่าพูดกันดีๆก็ได้มั้งครับ คนอื่นๆเขามองกันหมดแล้วนะครับ ไม่อายบ้างหรอครับ? รังแกผู้หญิงมันสนุกนักหรือไงครับ?” ผมจ้องหน้าชายคนนี้ด้วยความไม่พอใจ

                ณัฐ ฉันว่านายอย่าเพิ่งมายุ่งจะดีกว่านะ เรื่องนี้เป็นปัญหาของฉันเองดาวห้ามผมไว้ แต่ผมไม่ฟังเสียงห้ามของเธอ

                แกเป็นใครวะ?” ชายในชุดภูมิฐานถามด้วยสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย นี่มันไม่ใช่เรื่องของแกสักหน่อย

                จะใช่หรือเปล่า ผมไม่รู้หรอก แต่พูดกันดีๆก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องมาทะเลาะกันเลย ผู้ชายเขาไม่ทำร้ายผู้หญิงหรอกนะ!

                คิ้วของชายชุดภูมิฐานกระตุก แกกล้าสอนฉันเหรอ!เขาเงื้อมกำปั้นขึ้นเตรียมต่อย

                ณัฐ! ระวังดาวร้องเตือนผม แต่สายไปเสียแล้ว

               พลันเวลาก็เหมือนเดินช้าลง วินาทีที่กำปั้นของเขากระแทกกับแก้มของผมเหมือนนานชั่วกัปชั่วกัลป์ ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นเข้าที่แก้ม ร่างกายของผมเซไปตามทิศทางที่ถูกต่อย มันเป็นหมัดที่เต็มไปด้วยพลัง ผมได้ยินเสียงร้องตกใจของดาวดังแววมา พร้อมๆกับที่เห็นคนเข้ามารั้งตัวชายชุดภูมิฐานเอาไว้

                หลังความวุ่นวายจบลง ชายชุดภูมิฐานก็สงบสติอารมณ์ลงได้ เราสามคนนั่งอยู่ที่ที่นั่งขอบอ่างน้ำพุ ผมใช้ผ้าห่อน้ำแข็งที่มีคนให้มาประคบแก้มไปด้วย

                อู๊ย! ผมครางเป็นระยะๆ ในปากของผมมีรสชาติของเลือดหลงเหลืออยู่ น้ำหนักหมัดไม่ธรรมดาจริงๆ

                ในที่สุด ชายชุดภูมิฐานก็เอ่ยขึ้น เมื่อกี๊ต้องขอโทษด้วยนะครับ ไม่บาดเจ็บมากใช่ไหม?” เขายกมือไหว้ พอใจเย็นลงแล้ว เขาเป็นคนที่มีท่าทางสุขุมผิดจากเมื่อครู่หน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว

                ไม่เป็นไรครับ แค่คุณสงบสติลงได้ก็ดีแล้ว ว่าแต่เมื่อกี๊มีเรื่องอะไรกันครับ?”

                ก่อนอื่นเลยผมคงต้องแนะนำตัวก่อน ผมชื่อว่าอาทิตย์ครับ เป็นพี่ชายของดาวเมื่อเขาแนะนำตัวเสร็จ ผมก็สังเกตใบหน้าของเขากับดาว มันคล้ายกันจริงๆเสียด้วย ท่าทางว่าเขาจะไม่ได้พูดโกหก

                สวัสดีครับ คุณอาทิตย์ ส่วนผม...” ผมยังไม่ทันจะแนะนำตัว เขาก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

                เธอคงเป็นณัฐสินะ ดาวเล่าเรื่องเธอไว้เยอะอยู่เหมือนกันเขามองผมสลับกับดาว ยิ้มเล็กน้อย

                ...พี่ อย่าไปพูดอะไรแปลกๆสิคะ!ดาวลนลาน

                จ้ะๆ พี่ลืมไปพี่ชายของเธอหัวเราะด้วยความเอ็นดู แต่ดาวก็เล่าถึงณัฐไว้เยอะจริงๆนั่นแหละ พอมาเจอกันตัวต่อตัวก็เลยคิดว่าเขาเป็นคนแบบเดียวกับที่ดาวเล่าไว้จริงๆ

               เอ๊ะ! ขอโทษครับ ออกนอกเรื่องซะแล้วคุณอาทิตย์เหมือนกับเพิ่งจะนึกออก คือว่าแม่กับพ่อของเราสองพี่สอง ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ แล้วพวกท่านเลยอยากพาเราสองคนไปด้วย ดาวเองก็จะได้เรียนในด้านที่สนใจ ซึ่งก็คือด้านดนตรี ถ้าความสามารถระดับดาวล่ะก็ สอบเข้าพวกมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับด้านนี้โดยเฉพาะเลยก็ยังไหว ผมน่ะตัดสินแล้วว่าจะตามพวกท่านไปเรียนต่อปริญญาเอก แต่ดาว...ยังไม่ได้ตัดสินใจเขาเล่าเรื่องราวคร่าวๆให้ผมฟัง เมื่อผมสังเกตท่าทางของดาว เธอดูซึมลงเล็กน้อย

               เอ๋! ทำไมกันล่ะครับ? ทั้งๆที่มีโอกาสแล้วแท้ๆ

                ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ว่าทำไม แต่ผมก็เดาออกได้ไม่ยากหรอกครับเขายิ้มอย่างมีเลศนัย ทำไมไม่ถามดาวเองเลยล่ะครับ?”

               ดาว...ทำไมกันล่ะ?” ผมหันกลับมาถามเธอที่นั่งเงียบมาซักพัก เธอยังคงหลบตาต่ำ ไม่ตอบคำถาม

               คุณอาทิตย์เห็นท่าทางของดาวแล้ว จึงพูดขึ้นว่า ดูเหมือนว่าดาวคงไม่อยากให้ผมได้ยินเหตุผล ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ไว้เจอกันใหม่เขากล่าวสวัสดีแล้วเดินจากไป

                เมื่อเห็นว่าพี่ชายของเธอเดินหายลับไปจากสายตาแล้ว เธอจึงเริ่มทำท่าทางอยู่ไม่สุขเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง

                ฉัน...ไม่อยากไปนี่นาในที่สุดเธอก็พูดขึ้น น้ำเสียงสั่นเครือ เหมือนกับอะไรบางอย่างในจิตใจเธอกำลังพังทลาย เธอเงยหน้าขึ้นมองผม ใบหน้ารูปไข่ ผิวสีขาวนวล ริมฝีปากสีชมพูนั่นกำลังสั่น ดวงตาสีดำมีน้ำตาคลอ

                บอกเหตุผลกับฉันได้ไหม?” ผมถามออกไปแบบกล้าๆกลัวๆ ถ้าเธอร้องไห้ขึ้นมา ผมคงรู้สึกแย่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ผมอยากช่วยเหลือเธอ ไม่อยากให้เธอร้องไห้ อยากจะเป็นกำลังใจให้เธอ...ในฐานะแฟนเพลง และเพื่อน ผมอยากจะปกป้องรอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์ของเธอไว้เสียเหลือเกิน

               ฉันกลัว...ฉันกลัวมากเลยล่ะ กลัวว่าถ้าฉันไปที่นั่นแล้วจะมีใครยอมรับฉันไหม จะมีใครคอยให้กำลังใจฉันเหมือนที่นายทำหรือเปล่า....แต่ที่สำคัญกว่านั้น...คือฉันกลัวการจากลา เธอเชยตามองผมเล็กน้อย  ผมไม่พูดอะไร เพียงแต่ปาดน้ำตาที่ขอบตาเธอออกเท่านั้น

                “..............” ผมยังคงนิ่งเงียบ รอฟังสิ่งที่เธอจะพูดต่อ

               ถ้าอยู่ที่นี้ ไม่ว่าฉันจะท้อหรือหมดกำลังใจ นายจะคอยให้คำแนะนำฉันเสมอ ฉันน่ะนะดีใจมากเลยล่ะที่ได้มาเป็นเพื่อนกับนาย ช่วงเวลาที่เราได้คุยกันฉันมีความสุขมาก แต่ว่าแค่คิด...แค่คิดว่าเวลาแบบนั้นจะไม่มีอีกแล้ว จะไม่มีใครคอยให้กำลังใจฉัน คอยชมการร้องเพลงของฉันเหมือนที่นายทำแล้ว ฉันรู้สึก...เหงาอย่างบอกไม่ถูก

               ถ้าฉันไปนายจะเหงาหรือเปล่า...ความรู้สึกนี้ นายรู้สึกเหมือนฉันไหม?” เธอมองผมเหมือนกับว่ากำลังคาดหวังในคำตอบของผมอยู่ และผมก็รู้ดี ถึงสิ่งที่เธอต้องการฟังจากผม...

               ผมสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ยิ้ม ถ้าเพื่อนต้องจากไป ใครกันล่ะจะไม่เหงา ฉันเองก็คงไม่มีคนมาร้องเพลงเพราะๆแบบเธอให้ฟัง ไม่มีคนที่คุยได้ทุกเรื่อง นั่นสินะ...ฉันเองก็ชินกับการมาที่นี่แทบจะทุกเย็นเลยแฮะ จนฉันคิดไม่ออกเลยว่า ถ้าไม่มาที่นี่แล้วจะทำอะไรดี

                เธอผงกหัวช้าๆอืม...” เธอคราง นายก็รู้สึกเหมือนกันสินะเธอแสดงท่าทางดีใจเล็กน้อย แก้มของเธอแดงเรื่อ

                แต่ว่าฉันก็ยังกลัวอยู่เลย

               เพลงของเธอน่ะ จะว่ายังไงดี มันทั้งเพราะ ทั้งอบอุ่น น่าฟัง เกินกว่าที่จะมาร้องในที่แบบนี้อีกแล้ว ฉันไม่สามารถเก็บเธอเอาไว้ได้อีกแล้ว ฉันอยากให้เธอไปแสดงให้โลกรับรู้ถึงความสามารถของเธอ ผมเปรยขึ้น

              ที่เธอว่าเธอไม่เก่งพอน่ะ เธอก็แค่ไม่มั่นใจในตัวเองเท่านั้นแหละ กล้าๆหน่อยสิ เอาให้ได้แบบตอนเธอเถียงกับพี่ชายเธอไปเลย!

               ส่วนที่เธอกลัวคนไม่ยอมรับน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงเลย ถ้าเป็นเธอล่ะก็ ทุกๆคนต้องยอมรับแน่ แถมเธอยังมีคนยิ้มง่ายอีกต่างหาก แบบนี้ยิ่งหาเพื่อนไม่ยาก ส่วนเรื่องคนที่คอยให้กำลังใจและการสนับสนุน...เธอเองก็ยังมีครอบครัวอยู่ไม่ใช่หรอ? ครอบครัวน่ะ ไม่ว่าจะยังไงเขาก็พร้อมจะเป็นกำลังใจให้เธอเสมอแหละ โดยเฉพาะพี่ชายเธอน่ะ เขารักเธอมากรู้ไหม? ยังไงคราวหน้าก็อย่ามาเถียงกันที่สาธารณะอีกนะ

                ...รู้แล้วน่า!เธอพูดกลับ แล้วนายล่ะ...ว่ายังไง? ฉันควรจะไปดีไหม?”

                จำเพลงที่เธอร้องวันแรกที่เจอกันได้ใช่ไหม? ที่ร้องว่า ลาก่อนนะ ฉันก็อยากจะเอ่ยคำนั้น แต่หัวใจฉันอ่อนแอเหลือเกิน จะเก็บคำสัญญานั้นไว้ และรอเธอทำฝันให้เป็นจริง จะรอวันที่ได้พบกันใหม่ จะเป็นกำลังใจเสมอ เพราะฉะนั้น...โชคดีนะ ผมร้องเพลงด้วยสำเนียงกระท่อนกระแท่น

                เธอหัวเราะกับสำเนียงที่ผมใช้ร้องเพลง แต่ก็ยังตั้งใจฟังสิ่งที่ผมพูด

                บางครั้งการลาจากก็อาจจะเป็นเรื่องยาก แต่ว่าเมื่อมีพบก็ต้องมีจาก สักวันหนึ่งเราอาจจะเจอกันใหม่ก็ได้ แต่ว่าถึงเราจะจากกัน เราก็ยังมีความทรงจำอยู่ไม่ใช่หรอ? ถึงเราจะจากกันแต่ว่าฉันจะคอยเอาใจช่วยเธออยู่ที่นี่...แล้วถ้าเธอทำความฝันเป็นจริงแล้วล่ะก็...กลับมาหาฉันบ้างนะผมพูดด้วยรอยยิ้ม

                 เธอมองผมที่กำลังยิ้มให้เธอ ดวงตาของเธอแสดงความแน่วแน่ออกมา เธอคงจะตัดสินใจได้แล้ว ถ้านายพูดมาขนาดนั้นแล้วฉันเองก็คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วล่ะ ตกลง! ฉันจะไปทำในสิ่งที่ฉันรัก

                “แต่ที่นายพูดเมื่อกี๊จริงใช่ไหม? นายบอกว่าให้ฉันกลับมาหานายบ้างใช่ไหม...ถ้างั้นสัญญาสิ ว่านายจะรอ” เธอพูดจาเหมือนกับคุณหนูสูงศักดิ์ที่เอาแต่ใจ แต่ถ้าเป็นคำขอแค่นี้ล่ะก็...ผมทำให้เธอได้อยู่แล้ว

                “ได้สิ ฉันสัญญา...เราจะต้องกลับมาเจอกันซักวันหนึ่งแน่ๆ” ผมรู้สึกเช่นนั้นจริงๆในขณะที่ผมพูด

               เธอสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ลาก่อนนะเพียงคำสั้นๆที่เอ่ยออกมานั้น มันทำให้หัวใจของผมหวั่นไหว

                ภาพเก่าๆที่เรามีร่วมกันในช่วงเวลาที่ผ่านมาค่อยๆย้อนเข้ามาในหัวของผม ผมยังจำมันได้ดีราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้

               เธอลูบแก้มที่บวมช้ำของผมเบาๆ สายตาของเธอฉายความโศกเศร้าออกมา น้ำตาใสๆไหลปริ่มที่ขอบตา ดวงตากลมโตของเธอสั่นเครือ แต่เธอก็ยังสะกดมันไว้ด้วยรอยยิ้ม ผมไม่เคยลำบากใจกับการที่เราต้อง จากลาใครสักคนมาก่อน นี่คงจะเป็นครั้งแรกของผมที่รู้สึกแบบนี้

                ฉันจะเอาใจช่วยให้เธอประสบความสำเร็จอยู่ที่นี่ ดังนั้นอย่าทำให้คนที่เอาใจช่วยเธอผิดหวังล่ะ ผมตบบ่าเธอเบาๆ

                แน่นอนอยู่แล้วเธอรับคำ

                จริงสิ...เรื่องชื่อเพลง ฉันน่ะคิดออกแล้วล่ะ....” ในที่สุดผมก็คิดขึ้นมาได้ มันเป็นคำที่ผมอยากบอกเธอในตอนนี้มากที่สุด และเป็นความรู้สึกที่ผมมีในตอนนี้

                good luck...โชคดีนะผมพูดพลางชูนิ้วโป้งขึ้น

                good luck...โชคดีนะ...” เธอพึมพำ อือ! จะลองเอาไปใช้ดูนะ! เธอพยักหน้าด้วยความดีใจ

                เธอทำท่าเหมือนจะเดินจากไป แต่แล้วเธอก็เดินกลับมาตรงหน้าผม มีอะไรเหรอ?” ผมถามด้วยความสงสัย

                หลับตาลงหน่อยสิ...” เธอพูด กึ่งสั่งกึ่งขอร้อง ผมทำตามโดยไม่คิดอะไรมาก

               ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่นายช่วยฉันมาตลอดนะ นี่อาจจะไม่ได้มีค่าอะไร แต่ถือว่าเป็นของแทนคำขอบคุณจากฉันแล้วกันเธอเอ่ยเช่นนั้น พร้อมๆกับสัมผัสอ่อนนุ่มสัมผัสที่หน้าผากผม ผมลืมตาขึ้นทันที

                เธอ...” ผมพูดตะกุกตะกัก เมื่อกี๊...” สัมผัสอ่อนนุ่มเมื่อครู่นี้...ไม่ผิดแน่

                เธอหัวเราะด้วยความอาย ...แล้วเจอกันใหม่นะ โชคดีนะ!เธอกล่าวเช่นนั้นแล้วค่อยๆเดินจากไป

                เธอเองก็เหมือนกัน...” ผมมองส่งเธอไปจนสุดสายตา มือข้างหนึ่งลูบที่หน้าผากเบาๆ ไม่นึกเลยแฮะว่าจะจูบหน้าผาก แต่ก็สมกับเป็นดาวดีแหละนะ...” ผมพึมพำกับตัวเอง รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังยิ้มอยู่ และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้พบเธอ

                เธอนั่งอยู่กับกองกระดาษที่มีทั้งเนื้อเพลงและโน้ตเพลงเขียนไว้มากมาย ในมือของเธอถือกระดาษเพลงเพลงหนึ่งที่ไม่มีชื่อเอาไว้ ที่ชื่อของเพลงมีรอยขีดฆ่าหลายครั้ง

                หลังจากที่ใช้ความคิดอยู่สักพัก เธอก็ตัดสินใจเขียนมันลงไป เอาล่ะ!

               "จะเก็บรักษาคำสัญญาไว้ และรอวันที่จะได้เจอเธออีกครั้ง จนกว่าจะถึงวันนั้น ฉันจะคอยเอาใจช่วยเธอเสมอ... โชคดีนะ”  เธอร้องเพลงนั้นออกมาเบาๆ สายตาของเธอเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ไปยังท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ใบหน้าของเธอในตอนนี้กำลังยิ้ม...รอยยิ้มนั่นงดงามเหมือนหญิงสาวที่กำลังมีความรัก

                ที่หัวกระดาษมีชื่อเพลงเขียนเอาไว้ว่า Good luck...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×